บทที่ 7 ที่อยู่ใหม่(จบ)

ลลนาเดินตามแตงมาจนถึงโรงอาหาร ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ    บ่ายสองแล้ว จึงไม่มีกับข้าวอะไรเหลือ แตงแนะนำให้เธอรู้จักกับ       ป้านวล แม่ครัวประจำที่นี่ ลลนาได้ข้าวไข่เจียวเป็นอาหารกลางวัน    แตงชวนเธอคุยนั่นนี่ ลลนารับรู้ว่าแตงทำงานเป็นแม่บ้าน ไม่ต้องเข้าไร่เหมือนคนอื่น มิน่าแตงถึงได้ว่างมานั่งชวนเธอคุย หญิงสาวรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อย ๆ ที่นี่ก็ยังมีเพื่อนคุย แตงรอจนลลนากินอิ่ม ก่อนจะชวนเธอออกไปเดินสำรวจในไร่ ลลนาไม่ลืมขอบคุณป้านวลที่ทำข้าวให้เธอ      ได้อิ่มท้อง

วันนี้ยังไม่ต้องเริ่มงานตามที่เผ่าเพชรบอก ร่างบางเลยเดินตามแตงไปเรื่อยเปื่อย แตงพาเธอเดินดูคนงานเก็บผลผลิต แต่ยังไม่ทั่วเพราะที่นี่กว้างมาก นี่น่ะเหรอสินสอดที่ทางเผ่าเพชรใช้เป็นของหมั้น ลันลดา ที่ดินนับพันไร่... ตอนนี้เธอมาเป็นตัวแทนของลันลดา ไม่แน่ว่าเผ่าเพชรอาจจะแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่งก็ได้ คิดอย่างขำ ๆ เมื่อเริ่มเพลิน  กับการเดินสำรวจไร่

แตงพาเธอมาซื้อของที่ร้านสหกรณ์ในไร่ วันนี้ลลนายังไม่มีบัตรสมาชิก จึงใช้สิทธิ์ของแตงไปก่อน หญิงสาวนึกชอบใจเมื่อแตงเล่าว่า สิ้นปีจะมีเงินปันผลให้ ถ้าใครซื้อเยอะก็ได้เงินคืนเยอะ ก็ยังดี... อย่าง    น้อย ๆ เผ่าเพชรยังนึกถึงเรื่องนี้ได้ นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้คนงานแล้ว ยังมีเงินปันผลจูงใจอีกด้วย

“วันนี้ซื้อที่นี่ก่อนนะปอ แต่ถ้าเธออยากได้อะไร ต้องรอวันอาทิตย์ จะมีรถสองแถวพาเข้าเมือง รถจะมาตอนเก้าโมง เธอต้องไปรอ        หน้าศาลาทางเข้าไร่ แล้วรถจะกลับเข้าไร่ตอนบ่ายสามโมง อย่าช้าล่ะ      ถ้าเธอตกรถลำบากแน่”

“ไม่มีรถประจำทางเหรอ”

“ในป่าแบบนี้ใครจะมาล่ะ อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง”

“แตงพักอยู่ที่ไหน”

“ฉันพักที่เรือนเล็กหลังบ้านใหญ่ บ่ายแล้วฉันต้องไปเตรียม      ข้าวเย็น ฉันไปก่อนนะ เธอจะเดินดูอย่างอื่นอีกหรือเปล่า” แตงถาม    เมื่อได้เวลาเริ่มงานตอนบ่ายของตัวเอง

“ไม่ดีกว่า อยากพักเหมือนกัน”

“อ้อ... วันหลังเธอต้องแต่งตัวให้มิดชิดหน่อยนะ ที่นี่คนงานผู้ชายเยอะ”

“ขอบใจที่บอกนะ แต่ฉันไม่มีเสื้อผ้าแบบที่เธอบอกเลย”

“วันอาทิตย์จะพาไปตลาด ฉันไปนะ เธอเดินกลับถูกแน่นะ”

แตงยังห่วง

“ถูกสิ ฉันจำทางได้”

ลลนาบอกก่อนจะยิ้มและโบกมือให้แตงอีกรอบ ร่างบางเดินกลับมาตามทางเดิม ก่อนจะมาเจอกับทางแยก มือบางยกขึ้นเกาหัวเพราะตอนขามาไม่มีทางแยกแบบนี้

“ไปทางไหนดีล่ะ”

หญิงสาวถามตัวเอง เมื่อยืนมองป้ายที่ติดอยู่ข้างทางอย่างลังเล ป้ายหนึ่งชี้บอกทางไปโรงบ่ม ป้ายหนึ่งชี้ไปโรงเรือน แต่ที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นป้ายที่บอกว่า ‘เขตห้ามเข้า’

“มีน้ำตกด้วยเหรอ ดีจัง”

ร่างบางคิดอย่างลังเล แววซุกซนปรากฏขึ้นในดวงตาคู่หวาน   เมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา

“เพิ่งจะบ่ายสาม” หญิงสาวบอกตัวเอง ก่อนจะหันซ้ายหันขวา แล้วสาวเท้าไปยังเขตหวงห้ามอย่างนึกสนุก

ข้างทางที่เดินเข้ามาไม่ได้เป็นต้นองุ่นเหมือนอย่างที่เห็นใน    ตอนแรก กลับกลายเป็นป่าไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นรกชัฏ ดีที่ทางเดินเล็ก ๆ นี่ไม่รกไปด้วย บอกให้รู้ว่าที่นี่ได้รับการดูแลอย่างดี ลลนาเดินเพลิน เพราะอากาศที่นี่เย็นสบาย หญิงสาวลืมไปเลยว่าเธอกำลังอยู่ต่างถิ่น ไม่ได้อยู่ในกองละครอย่างที่ผ่าน ๆ มา

ไม่นานก็ได้ยินเสียงน้ำไหลลงมากระทบหิน ใบหน้าสวยที่เริ่ม   ชื้นเหงื่อยิ้มกว้าง เมื่อสัมผัสกับความเย็นของบรรยากาศที่นี่

“น่าจะถึงแล้ว”

ร่างบางเดินไปตามเสียงน้ำที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ก่อนจะ        ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ดวงตากลมโตเบิกกว้าง น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ภายในไร่นี้สวยเหมือนภาพวาด ทำไมของสวยงามแบบนี้ถึงได้มา    ซ่อนอยู่ในไร่แบบนี้ได้ ไม่เสียเวลาคิดนาน รีบวางของที่ซื้อติดมือมาจากสหกรณ์ลงพื้น ภาพตรงหน้าเหมือนมนต์สะกดสั่งให้เธอเดินเข้าไปหา เท้าบางเหยียบย่ำไปบนแนวโขดหินที่วางเรียงรายไปจนถึงลำธาร ทันทีที่เท้าบางสัมผัสกับผิวน้ำ ขนอ่อนบริเวณต้นคอก็ลุกชัน

“น้ำเย็นจังเลย”

ชักเท้ากลับ ก่อนจะค่อย ๆ จุ่มกลับลงไปใหม่เมื่อร่างกายปรับสภาพได้แล้ว

“รู้อย่างนี้ เอามือถือมาด้วยก็ดี” หญิงสาวนึกถึงโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตทิ้งไว้ ก่อนจะถอนหายใจเมื่อนึกถึงบ้านพัก ดีที่ยังมีน้ำมีไฟ   ให้ใช้ ลลนาคิดอย่างปลง ๆ มือบางวักน้ำสาดเล่น นึกถึงเพื่อน ๆ ที่กรุงเทพฯ นี่ถ้าพวกมันรู้ว่าเธอตกอยู่ในชะตากรรมแบบนี้ พวกมันคง   ขำกันน่าดู

“อีพริต ฉันคิดถึงแกจัง” อดคิดถึงหน้าเพื่อนสาวไม่ได้ นี่ถ้าพีทพลมาเจออะไรแบบนี้ มันคงลงไปดิ้นตายอยู่ในน้ำนั่นแล้ว

ร่างบางนั่งทอดอารมณ์ แม้จะยังคิดไม่ตก แต่ก็ต้องทำใจยอมรับ เพราะตัดสินใจมาแล้ว หวังว่าคู่หมั้นของน้องคงไม่ใช้แรงงานเธอเหมือนวัวเหมือนควายหรอกนะ อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่ได้มาทำงาน    ล้างหนี้แบบพวกนางเอกนิยาย เธอมีเงิน มีทุกอย่างที่เท่าเทียมกับเขา ถ้าเขาไล่เธอกลับ เธอก็พร้อมเสมอ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป